4 วิธีตั้งค่าความปลอดภัยสำหรับ iPhone iOS13

NT cyfence
NT cyfenceทีมงาน NT cyfence ที่พร้อมให้คำปรึกษา และ ดูแลความปลอดภัยให้กับทุกองค์กร อย่างครบวงจร ด้วยทีมงานมืออาชีพ

iPhone 11 ได้วางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา แน่นอนว่าค่าย Apple จะเริ่มปล่อย iOS เวอร์ชันล่าสุดออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน นั่นคือเวอร์ชัน iOS 13.1.3 ที่เปิดให้อัปเดทไปแล้ว เมื่อ 15 ต.ค. 2562

สำหรับ iOS เวอร์ชัน 13 นี้ ทาง Apple ได้ออก Features ด้าน Security และ Privacy ใหม่มาหลายตัว โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตั้งค่า 4 รายการสำคัญ ดังนี้:

1. Block เบอร์โทรที่ไม่รู้จัก (เบอร์ขายประกันฯ เบอร์ชวนสมัครบัตรเครดิต ฯลฯ)

บล็อคเบอร์หมายเลขแปลก ๆ ทันที ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลานั่งฟังสิ่งที่ไม่ต้องการ ก่อให้เกิดความรำคาญด้วย ซึ่งในเวอร์ชัน iOS13 จะสามารถโอนสายเรียกเข้าจากเบอร์โทรที่ไม่รู้จัก (เช่น เบอร์โทรที่ไม่มีใน Contacts) ไปยัง Voice Mail โดย Features นี้ไม่ได้เปิดใช้งานเป็นค่า Default ผู้ใช้ต้องตั้งค่าเอง โดยไปที่:

(ภาพจาก: https://ios.gadgethacks.com)

2. ควบคุมการ Share ข้อมูล Location

ข้อมูลด้าน Location ถือเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ควร Share โดยไม่จำเป็น แต่หลาย ๆ แอปก็พยายามโน้มน้าวให้ผู้ใช้อนุญาตให้ Share ข้อมูลดังกล่าว เพื่อความราบรื่นในการใช้งาน

iOS13 เปิดโอกาสให้ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการ Share ข้อมูล Location กับแอปที่ใช้งาน เมื่อเริ่มติดตั้งแอปใด ๆ ผู้ใช้สามารถอนุญาตให้แอปนั้นเข้าถึง Location ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวเลือกคือ:

  • Never (ไม่อนุญาต)
  • Ask Next Time (อนุญาตเพียงครั้งเดียว)
  • While Using the App (อนุญาตขณะเปิดใช้งานแอปนั้น ๆ)
  • Always (อนุญาตเสมอ)

(ภาพจาก: https://ios.gadgethacks.com)

กรณีแอปบางตัวต้องการเก็บข้อมูล Location ของผู้ใช้ผ่าน Bluetooth สามารถตั้งค่าได้ตามนี้:

Settings > Privacy > Bluetooth

นอกจากนี้ผู้ใช้จะได้รับการแจ้ง Location Reminder Alert เป็นครั้งคราว เพื่ออธิบายผู้ใช้ว่าแอปนั้น ๆ เก็บข้อมูล Location ใด ๆ ไว้บ้าง โดยจัดแสดงในรูปแบบของแผนที่

3. การลงชื่อเข้าใช้งานด้วย Apple

บริการใหม่ของ Apple นี้ถือเป็นจุดเด่นในงาน WWDC 2019 ที่ผ่านมาเลยทีเดียว ซึ่งการลงชื่อเข้าใช้งานด้วย Apple ช่วยให้ผู้ใช้สามารถลงชื่อเข้าใช้บริการอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้โดยผ่าน Apple ID ของผู้ใช้แทน (Touch ID, Face ID หรือรหัสผ่านอุปกรณ์ของผู้ใช้) โดยสาระสำคัญคือ Apple จะไม่มีการติดตาม (Track) หรือจัดทำประวัติผู้ใช้ (Profile) ขณะใช้บริการ เพื่อความเป็นส่วนตัวมากที่สุด ขั้นตอนในการใช้งาน มีดังนี้:

  1. ผู้ใช้ต้องมี Apple ID พร้อมการยืนยันตนแบบสองปัจจัย (2FA)
  2. ลงชื่อเข้าใช้ iCloud ด้วย Apple ID บนอุปกรณ์ของคุณ
  3. เมื่อเข้าชมเว็บไซต์หรือเปิดใช้งานแอปที่รองรับการลงชื่อเข้าใช้ด้วย Apple บริการจะปรากฏเป็นตัวเลือกการเข้าสู่ระบบ ผู้ใช้จะต้องกรอกชื่อและอีเมลเพื่อตั้งค่าบัญชี

(ภาพจาก: https://ios.gadgethacks.com)

อย่าลืมว่า ผู้ใช้ยังสามารถใช้บริการ Private Email Relay Service เพื่อใช้อีเมลส่วนตัวที่ Apple สร้างให้เฉพาะกิจ (One-time Email Address) เพื่อ Forward ข้อความใด ๆ ไปยังอีเมลส่วนตัวของผู้ใช้อีกที เปรียบเสมือนเป็น Firewall ด้านข้อมูลระหว่างผู้ใช้และบริการ ซึ่งช่วยจำกัดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากไม่มีการเปิดเผยอีเมลที่แท้จริงของผู้ใช้

4. ลบข้อมูลรายละเอียด Location ออกจากภาพถ่ายและวิดีโอ

ทราบหรือไม่ว่าภาพถ่ายหรือวิดีโอที่เราถ่ายไว้ มีการบันทึกข้อมูลจำนวนมากเกี่ยวกับผู้ใช้ โดยข้อมูลดังกล่าวถูกจัดเก็บในรูปแบบที่เรียกว่า EXIF (Exchangeable Image File Format) ซึ่งเก็บรายละเอียดมากมายเช่น :

  • ข้อมูลผู้ผลิตเลนส์กล้อง
  • ชนิดของเลนส์ เช่น iPhone X
  • พิกัด GPS เป็นละติจูด-ลองจิจูด, ความสูง, ความเร็ว
  • ทิศทางของภาพ
  • เวอร์ชั่นของระบบปฏิบัติการ และอีกมากมาย

จะเห็นได้ว่า รายละเอียดของภาพถ่ายและวิดีโอที่ Share กันในโลกโซเชียลสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกแก่มิจฉาชีพให้ล่วงรู้ถึง Location ของที่พักอาศัยและสถานที่ต่าง ๆ ที่เคยไปเยือน รวมทั้งกิจกรรมที่ผู้ใช้ชอบ หากเลือกความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวมากกว่า ผู้ใช้สามารถตั้งค่าโดยไปที่:

Privacy > Location Services > Camera

หากต้องการเลือกไม่ Share ข้อมูล Location ของภาพถ่ายและวิดีโอเป็นรายภาพเท่านั้น ให้แตะที่ Options ภายใต้ตัวเลือก Share แล้วยกเลิกการตื๊กที่ “Location” ของแต่ละภาพแทน

(ภาพจาก: https://ios.gadgethacks.com)

นอกจาก Features ที่แนะนำให้ผู้ใช้ควรเปิดใช้งานไปข้างต้นแล้วนั้น อีก Feature หนึ่งที่ Apple ให้มาพร้อม iOS13 แต่ผู้ใช้ไม่ต้องไปปรับตั้งค่าใด ๆ เนื่องจากเป็นการตั้งค่า Default มาให้แล้ว ก็คือ การป้องกันผู้ใช้จากการติดตามของเว็บไซต์ผ่าน การใช้งานเบราเซอร์ Safari ได้ ทำให้ผู้ใช้หายห่วงจากการถูกติดตามพฤติกรรมการใช้งานเพื่อหวังผลทางการตลาดจากเว็บไซต์ที่เข้าดู

อ้างอิงที่มา:
https://www.computerworld.com/article/3439927/change-these-4-new-security-settings-in-ios-13-now.html
https://ios.gadgethacks.com/how-to/10-new-ios-13-privacy-settings-everyone-should-know-double-check-0202468/

บทความที่เกี่ยวข้อง