วิธีปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น บนมือถือและคอมพิวเตอร์

6 พฤศจิกายน 2020

NT cyfence
NT cyfenceทีมงาน NT cyfence ที่พร้อมให้คำปรึกษา และ ดูแลความปลอดภัยให้กับทุกองค์กร อย่างครบวงจร ด้วยทีมงานมืออาชีพ

ในบางครั้งการใช้งานคอมพิวเตอร์และมือถือที่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมักจะมีการแจ้งเตือนแปลก ๆ ที่ในบางครั้งผู้ใช้งานก็ไม่รู้ ว่ามาจากไหน อาจรู้สึกรำคาญกับการแจ้งเตือนที่รบกวนการทำงาน จนอาจเป็นช่องทางในการส่ง Malware URL ได้ ซึ่งการแจ้งเตือนแบบนี้เรียกว่า Push Notification ไม่ว่าจะเป็นจากสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ ดังนั้นวิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือปิดแจ้งเตือนเหล่านั้น แต่จะทำอย่างไรให้ถูกวิธี?

การทำงานของ Push Notification

Push Notification เป็นการแจ้งเตือนแบบข้อความที่ส่งโดยเซิร์ฟเวอร์ไปยังอินเทอร์เฟซของผู้ใช้งาน เมื่อมีการอัปเดตภายในแอปพลิเคชัน สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้งานก็จะได้รับการแจ้งเตือน ซึ่งเป้าหมายหลักของ Push Notification คือเพื่อให้ผู้ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีไม่พลาดทุกการอัปเดตใหม่ ๆ ในส่วนของภาคธุรกิจมักใช้ Push Notification เพื่อโปรโมทสินค้า หรือบริการ จนทำให้ในบางครั้งผู้ใช้งานอาจได้รับการแจ้งเตือนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองบ่อย ๆ จนเกิดความรำคาญ ซึ่งบางเว็บอาจส่ง URL ที่เป็นมัลแวร์มาได้ ดังนั้น ผู้ใช้งานควรตระหนักเรื่องความปลอดภัยไอที (Cyber Security) การปิด Notification ที่ไม่จำเป็น จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด ซึ่งในบทความนี้ ทีมงาน NT cyfence ได้รวบรวมขั้นตอนในการปิด Notification สำหรับมือถือระบบ Android , iOS และคอมพิวเตอร์ ดังนี้

ปิดการตั้งค่าการแจ้งเตือนตั้งแต่เริ่มต้น

โดยส่วนใหญ่แอปพลิชันต่าง ๆ มักจะขออนุญาตจากทางผู้ใช้งานก่อน เพื่อแสดงการแจ้งเตือนทันทีหลังการติดตั้ง ก็ควรเลือก Allow เฉพาะ Notification ที่ต้องการจริง ๆ เท่านั้น แต่ในกรณีที่ Allow ไปไปแล้วก็ยังสามารถเปลี่ยนการอนุญาตแจ้งเตือนได้เช่นกัน

การตั้งค่าการแจ้งเตือน บนอุปกรณ์ Android (Samsung, Oppo, Huaweii)

วิธีที่ 1 หากผู้ใช้งานจะเปลี่ยนการตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับแอปพลิชันสามารถทำได้ ดังนี้

  • เลือกที่ “แอปพลิเคชัน” ใน “การตั้งค่า”
  • เลือก “จัดการแอปพลิเคชัน” (ถ้ามี)
  • แตะที่แอปพลิเคชันใดที่ต้องการ
  • เลือกที่ “สิทธิ์”
  • เลือก “การแจ้งเตือน”
  • กดเปลี่ยนที่พฤติกรรม เช่น การแจ้งเตือนด้วยเสียง หรือการแจ้งเตือนแบบลอย เป็นต้น

ผู้ใช้งานสามารถเลือกปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันนี้อย่างถาวรโดยปิดใช้งานการควบคุมหลัก

วิธีที่ 2: การยกเลิกการแจ้งเตือนจากหลายแอปพลิเคชัน

  • ไปที่ “การตั้งค่า”
  • เลือก “การแจ้งเตือน”
  • เลือกระหว่าง “การแจ้งเตือนบนหน้าจอล็อก” “การแจ้งเตือนแบบลอย” และ “ป้ายแจ้งเตือน”

รายการแอปพลิเคชันจะปรากฏขึ้น ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือนเฉพาะในหมวดหมู่ที่เลือก

  • ให้ปิดการใช้งานแอปพลิเคชันอย่างน้อยหนึ่งแอปฯ จากรายการนั้นเพื่อหยุดรับการแจ้งเตือน

การตั้งค่าการแจ้งเตือน บนอุปกรณ์ iOS (iPhone, iPad)

  • ไปที่ “การตั้งค่า”
  • เลือก “การแจ้งเตือน”
  • เลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการเพื่อจำกัดการแจ้งเตือน
  • ปิดใช้งาน “อนุญาตการแจ้งเตือน” เพื่อจำกัดการแจ้งเตือนทั้งหมดจากแอปพลิเคชัน
  • ผู้ใช้งานสามารถยกเลิก “การล็อกหน้าจอ” ที่ “ศูนย์การแจ้งเตือน” และ “แบนเนอร์” เพื่อไม่ให้แอปพลิเคชันแสดงการแจ้งเตือนในโหมดนั้นได้
  • ผู้ใช้งานสามารถปิดใช้งาน “เสียง” และ “ป้าย” เพื่อปิดใช้งาน PushNotification

หากผู้ใช้งานต้องการหลีกเลี่ยงการแจ้งเตือนที่เข้ามาทั้งหมดของ iPhone ให้เข้าไปจัดการที่โหมด “ห้ามรบกวน” และ ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งเวลาสำหรับฟังก์ชันนี้ได้ โดยที่โทรศัพท์จะไม่แสดงการแจ้งเตือนในช่วงเวลานั้น

การตั้งค่าการปิดการแจ้งเตือนบน Windows 10

ไปที่ “การตั้งค่า”
เลือกที่ “ระบบ”
คลิก “การแจ้งเตือนและการดำเนินการ”
จากนี้ผู้ใช้งานจะสามารถปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดหรือปิดการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันเฉพาะได้

การตั้งค่าการปิดการแจ้งเตือนบน Mac

เลือกเมนู “Apple”
คลิกที่ “การตั้งค่าระบบ”
เลือก “การแจ้งเตือน” ใน “การตั้งค่าการแจ้งเตือน”
ให้เลือกแอปพลิเคชันทางด้านซ้ายเพื่อปิดใช้งานตัวเลือก “อนุญาตการแจ้งเตือน”

เลือกใช้โหมด “ห้ามรบกวน” ในกรณีที่ต้องการปิดการแจ้งเตือนชั่วคราว

บางครั้งผู้ใช้งานอาจจะอยากแค่หยุดพักการแจ้งเตือนชั่วคราว เช่น ในขณะที่กำลังประชุมงานสำคัญ ดูหนังเรื่องโปรด หรือตอนที่กำลังนอนหลับ ระบบปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น Windows, Mac, Android และ iOS ล้วนมีโหมด “ห้ามรบกวน” ที่ผู้ใช้งานสามารถตั้งเวลาสำหรับระยะเวลาที่ต้องการพักการแจ้งเตือนได้ ในช่วงเวลานี้อุปกรณ์จะบันทึกการแจ้งเตือนในหน้าของการแจ้งเตือน แต่ไม่มีการแจ้งเตือนแบบ Push Notification ขึ้นมา

หนึ่งในสาเหตุของการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นต่าง ๆ เกิดจากการใช้งานที่ไม่ระมัดระวัง เช่น กด อนุญาตโดยไม่ได้อ่าน  หรือ คลิก Ok แม้ยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร นอกจากในบางครั้งการคลิกโอเค หรือ คลิก Next โดยไม่ได้ดูว่าเป็นการยอมรับ หรือ ตกลงในเรื่องใด อาจพาเราไปเรื่องราวใหญ่โตอื่น ๆ เช่น ติดตั้ง Malware เป็นต้น

ข้อมูลจาก : https://www.hackread.com/how-to-control-push-notifications-of-your-devices/

บทความที่เกี่ยวข้อง