วิธีการตั้งค่าและการนำ Zero Trust ของ Cloudflare ไปใช้ในองค์กร
5 สิงหาคม 2025
ในอดีต ระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กรยึดแนวคิด “ป้องกันจากรอบนอก” (Perimeter-based security) เปรียบเสมือนสร้างกำแพงสูงล้อมปราสาทไว้แต่หากเข้ามาได้แล้วก็สามารถเข้าถึงภายในระบบได้หมด แต่ปัจจุบันพนักงานในองค์กรทำงานจากหลายสถานที่ แอปพลิเคชันต่าง ๆ อยู่บน Cloud และการโจมตีมีความซับซ้อนมากขึ้น แนวคิด Zero Trust จึงเข้ามาแทนที่
Zero Trust คือการ “ไม่เชื่อถือใครเลย” – ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกองค์กร
หลักสำคัญคือ “Never Trust, Always Verify” ทุกคำขอเข้าถึงข้อมูลหรือระบบ ต้องถูกตรวจสอบทุกครั้ง ว่าผู้ใช้งานคือใคร มาจากอุปกรณ์ที่ปลอดภัยหรือไม่ และมีสิทธิ์ที่เหมาะสมหรือเปล่า หน่วยงานที่มีการทำงานแบบ Hybrid / Remote จำเป็นต้องปรับแนวทางไปสู่ Zero Trust เพื่อป้องกัน Data Breach และควบคุมความเสี่ยงให้น้อยลง
Cloudflare Zero Trust คืออะไร?
Cloudflare Zero Trust Platform คือโซลูชันที่ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากแนวคิดเก่า มาสู่ระบบที่ปลอดภัยขึ้น
องค์ประกอบหลักที่โดดเด่น
- Cloudflare Access: ควบคุมว่าใครเข้าถึงระบบใดได้บ้าง ผ่านการยืนยันตัวตนแบบ Identity-based
- Cloudflare Gateway: สามารถทำ DNS filtering และ Block URL/Content ที่ไม่ปลอดภัย
- Browser Isolation: เปิดเว็บไซต์ใน Sandbox Browser แยกจากเครื่องจริงเพื่อป้องกันมัลแวร์
จุดเด่น
- ใช้งานง่าย ในเบื้องต้นไม่ต้องลง Client พิเศษเพิ่ม
- รองรับ Identity Provider เช่น Google Workspace / Microsoft Entra
- เข้าถึงแอปภายในองค์กรผ่าน Browser ได้ทันที ไม่ต้องเปิดใช้งาน VPN

** หมายเหตุ มาตรา 37 (1)
มาตรา ๓๗ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้
เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และต้องทบทวน
มาตรการดังกล่าวเมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษา
ความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
ดังนั้น องค์กรที่ใช้ Cloudflare Zero Trust จึงมีการป้องกันเชิงรุก ลดความเสี่ยงจากการเสียค่าปรับ และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
วิธีการตั้งค่า Cloudflare Zero Trust
- สร้างบัญชี Cloudflare ผ่าน https://dash.cloudflare.com
- ติดตั้ง Cloudflare Zero Trust agent บนอุปกรณ์ที่ต้องการควบคุม
- สร้าง Policy การเข้าถึง เช่น ผู้ใช้งานสามารถเข้าแอปไหนจากเครือข่ายใด และอุปกรณ์แบบไหน
- เชื่อมต่อกับ Identity Provider เช่น Google Workspace, Azure AD
- เปิดใช้งาน Gateway DNS Filtering เพื่อกรองการเข้าถึงเว็บไซต์อันตราย
- ทดสอบและ Monitor ผ่าน Dashboard แบบเรียลไทม์
การตั้งค่าสามารถเริ่มต้นได้ฟรี และขยายแบบ Pay-as-you-go ตามจำนวนผู้ใช้งานได้
1. สร้างบัญชี Cloudflare
- เข้าเว็บไซต์และกดปุ่ม Sign Up เพื่อสมัครบัญชีใหม่
- ยืนยันอีเมลตามขั้นตอนของ
- เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ไปที่เมนูด้านซ้าย เลือก Zero Trust → Access → Get Started
- Cloudflare จะพาเข้าสู่หน้า Zero Trust Dashboard
- (ลิงก์: https://dash.teams.cloudflare.com)

2. ติดตั้ง Cloudflare Zero Trust agent (Warp client) Cloudflare WARP คือ client software สำหรับควบคุมการเชื่อมต่อของอุปกรณ์
- ไปที่เมนู My Team → Devices → WARP Client
- เลือกระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน เช่น Windows, macOS, iOS, Android
- ดาวน์โหลด WARP และติดตั้งตามปกติ
- เมื่อติดตั้งแล้ว ให้ Sign in โดยใช้โดเมนของทีม เช่น ชื่อองค์กร.cloudflareaccess.com
- เครื่องจะเชื่อมต่อกับ Zero Trust ทันทีและสามารถควบคุม policy ได้

3. สร้าง Policy การเข้าถึง (Access Rules) เพื่อกำหนดว่าใครสามารถเข้าถึงทรัพยากรภายในองค์กรได้บ้าง
- ไปที่เมนู Access → Applications
- กด Add an application → เลือกประเภทแอป (Self-hosted / SaaS / SSH / VNC)
- กรอกชื่อแอป, URL, และเลือกวิธี Authentication
- จากนั้นไปที่ Policies เพื่อสร้าง Rule เช่น เฉพาะแผนก IT เท่านั้นที่เข้าถึง/ admin/ อนุญาตเฉพาะ IP ภายในบริษัท
- ระบบจะอนุญาตหรือปฏิเสธการเข้าถึงตาม policy ที่กำหนดไว้

4. เชื่อมต่อกับ Identity Provider (IdP) เพื่อให้ Cloudflare ยืนยันตัวตนพนักงานโดยใช้บริการ IdP ที่องค์กรใช้อยู่
- ไปที่เมนู Settings → Authentication
- เลือก Add a provider
- รองรับ IdP ยอดนิยม เช่น Google Workspace, Azure Active Directory, GitHub / Okta / OneLogin
- กรอก Client ID / Secret ที่ได้จากฝั่ง IdP
- ทดสอบการเชื่อมต่อ และเปิดใช้งาน

5. เปิดใช้งาน Gateway DNS Filtering เพื่อป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์อันตรายจากทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมกับระบบ
- ไปที่เมนู Gateway → Policies
- กด Add a policy
- ตั้งกฎการ Block domain เช่น phishing, malware, gambling, etc.
- สามารถตั้ง Allow /Block List เพิ่มเติมได้
- เชื่อมโยงกับ DNS location ที่กำหนดในเมนู Locations
- หากใช้งานร่วมกับ WARP client ระบบจะกรอง DNS ได้แบบ Endpoint-based

6. ทดสอบและ Monitor ผ่าน Dashboard หลังตั้งค่าทุกอย่างแล้ว ควรตรวจสอบและทดสอบระบบ
- ไปที่เมนู Analytics & Logs → Gateway / Access
- ตรวจสอบ:
– ผู้ใชงานคนใดเข้าถึงแอปอะไร
– มี Request ถูก Block หรือไม่
– Log ต่างๆ พร้อม export ไปเก็บต่อได้ - มีเครื่องมือ Debug เช่น Test your setup → เพื่อทดสอบ DNS, identity และ Access

หมายเหตุ
– Cloudflare Zero Trust ใช้ได้ ฟรีสูงสุด 50 users
– หากองค์กรต้องการ feature ขั้นสูง เช่น Logging, DLP, RBI → สามารถอัปเกรดตามจำนวนผู้ใช้แบบ Pay-as-you-go
Use Case การนำไปใช้จริง
- Cloudflare for SaaS Company พนักงานเข้าถึง Internal dashboard โดยไม่ต้องใช้ VPN ลดความซับซ้อน และสามารถจำกัดสิทธิ์รายแผนกได้ชัดเจน
- Werner Enterprises องค์กรขนส่งรายใหญ่ในสหรัฐฯ ใช้ Cloudflare Email Security (Area 1) ร่วมกับ Browser Isolation และลดอีเมล phishing ที่ส่งถึงผู้ใช้ลงได้ 50%
ทั้งนี้ แม้ Use Case เหล่านี้จะเกิดขึ้นในต่างประเทศ แต่สามารถนำมาปรับใช้กับหน่วยงานในไทยได้โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่ต้องทำงานแบบ Hybrid ทั้งทีมเทคนิคและ ทีมเซลล์ ที่มีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก เช่น บริษัทประกันภัย, กลุ่มธนาคาร / ฟินเทค, E-commerce / Platform ขนาดใหญ่, Startup ที่เติบโตเร็วและมีทีมกระจายอำนาจหลายที่

ข้อดีและสิ่งที่ต้องระวัง
แม้แนวคิด Zero Trust และแพลตฟอร์มของ Cloudflare จะช่วยให้องค์กรก้าวไปสู่ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยมากขึ้น แต่ก่อนจะลงมือใช้งานจริง องค์กรควรศึกษาให้เข้าใจทั้ง ข้อดีที่ได้เปรียบ และ ข้อควรระวังที่ต้องวางแผนรับมือ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน
ข้อดี
– ลดค่าใช้จ่าย VPN, Server Load
– ตอบโจทย์ PDPA และแนวทาง Security Modernization
– เหมาะกับองค์กรที่มี Remote Work หรือ Outsource Access
สิ่งที่ควรวางแผน
– ควรเตรียมแผนเปลี่ยนผ่านระบบจาก VPN เดิมให้ราบรื่น
– ต้องมีการอบรมพนักงานให้เข้าใจหลัก Zero Trust
– ต้องบริหาร Identity และสิทธิ์การเข้าถึงให้แม่นยำ
– ในกรณีที่เลือกใช้บริการฟรี อาจจะต้องวางแผนเรื่องงบประมาณหาก Cloudflare คิดค่าบริการ

Zero Trust ไม่ใช่เพียงแค่ “เทคโนโลยีใหม่” แต่คือแนวคิดสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ในยุคที่พนักงานทำงานได้จากทุกที่ แอปพลิเคชันต่างๆ อยู่บน Cloud และข้อมูลมีความเสี่ยงถูกเข้าถึงตลอดเวลา
Cloudflare Zero Trust จึงเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านความปลอดภัย ความคล่องตัว และต้นทุนที่เหมาะสมสำหรับองค์กรทุกขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดำเนินการร่วมกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญอย่าง NT cyfence
หากองค์กรของคุณกำลังมองหาแนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่ Zero Trust อย่างมั่นใจ NT cyfence พร้อมเป็นพันธมิตรในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบ Zero Trust ด้วยบริการของเรา
- ปรับแต่ง Policy อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยให้เหมาะกับโครงสร้างองค์กร
- บริการติดตาม Monitor และ Incident Response
- อบรม Security Awareness สำหรับพนักงาน
สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อ NT cyfence ได้ทาง https://www.cyfence.com/contact-us/ หรือโทร 1888 ทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำ และเป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยด้านสารสนเทศอย่างครบวงจร
ที่มาข้อมูล:
www.cloudflare.com
developers.cloudflare.com
www.gartner.com
www.cloudflare.com/en-gb/case-studies/
บทความที่เกี่ยวข้อง